13.5.09

โนรา,Hiptage beghalensis

โนรา

ชื่อวิทยาศาสร์ Hiptage beghalensis. (Linn) Kurz.
ตระกูล MALPIGHIACEAE
ชื่อสามัญ -

ลักษณะทั่วไป

ต้น โนรา เป็นไม้เลื้อยเถาใหญ่มีเนื้อแข็ง และสามารถเลื้อยไปได้ไกลและรวดเร็วด้วย แต่ถ้าปลูกโนราไว้กลางแจ้งก็อาจจะกลายเป็นไม้พุ่มได้หรือ ก็จะขดเป็นพุ่มเถาโนามีสีเขียว กลมและเกลี้ยง
ใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบสีเขียวเข้มลักษณะใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่หรือ รูปไข่กลับ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนและมีต่อมนูนอยู่ 2 ต่อม ใบอ่อนจะเป็นสีเทา ใบมีความกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 18 เซนติเมตร
ดอก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และจะมีขน ดอกมีสีขาว หรือสีขาวอมชมพูเรื่อ ๆ มีกลิ่นหอมคล้ายดอกส้มโอ ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน ก็จะร่วงและจะมีดอกใหม่ทะยอยบายอยู่เรื่อย ๆ ดอกจะมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบหนึ่งมีต่อมนูน มีกลีบดอก 5 กลีบ และแต่ละกลีบจะมีขนาดไม่เท่ากัน มีกลีบใหญ่อยู่ในสุดและจะมีสีเลืองแต้ม กลีบดอกมักจะยู่ยี่ ขอบกลีบดอกจักหรือเนินเป็นครุยมีเกสรต้วผู้ 10 อัน และมี 1 อัน ที่มีขนาดใหญ่กว่าอันอื่น ๆ

ฤดูกาลออกดอก
โนราจะออกดอกประมาณเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์

การปลูก
โดยการนำเอาต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ด กิ่งที่ได้จากการปักชำหรือการตอนมาปลูกลงดิน โดยให้ขุด หลุมกว้างลึกประมาณ 1 x 1 ฟุต รองก้นหลุมด้วยใบไม้ผุ หรือปุ๋ยหมักกลบดินเล้กน้อยแล้วจึงวางกิ่งปักชำ หรือต้นกล้าลงกลางหลุม แล้วกลบดินพอมิด รดน้ำให้ชุ่ม

การดูแลรักษา
แสง โนราเป็นไม้ในร่ม หรือร่มรำไร มีความต้องการแสงน้อยน้ำ ต้องการน้ำมาก ควรรดน้ำให้ดินมีความชื้นอยู่ อย่างสม่ำเสมอ
ดิน เจริญงอกงามได้ดีในดินแทบทุกชนิดไม่เลือกดินปลูกแต่ถ้าเป็นดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดีก็จะดียิ่งขึ้น
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใส่บริเวณโคนต้นปีละ 2-3 ครั้ง

โรคและแมลง
ไม่พบโรคและแมลงที่สำคัญ

การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง